ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 กรกฎาคม ที่ร้านอาหารบ้านชายคลอง ริมแม่น้ำปากพนัง เขตเทศบาลเมืองปากพนัง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช นายวินัย ละอองสุวรรณ อายุ 64 ปี หรืออดีต พระยันตระ ได้เดินทางมาพบปะบรรดาญาติโยมกว่า 30 คน ซึ่งเดินทางมาจากหลายพื้นที่ โดยร่วมรับประทานอาหารมังสวิรัติที่นายชัยณรงค์ สวัสดีนฤนาท อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปากพนัง เป็นเจ้าของร้านนำมาถวาย หลังจากอดีต พระยันตระ รับประทานอาหารแล้วเสร็จ ได้ร่วมกันสวดแผ่เมตตากับบรรดาญาติโยมพร้อมทั้งแจกภาพถ่ายของอดีต พระยันตระ ที่มีลายเซ็นกำกับให้กับทุกๆ คนที่มาร่วมต้อนรับ โดยอดีต พระยันตระ ได้มีการเทศนาธรรมให้กับบรรดาลูกศิษย์ทุกคนให้ตั้งใจทำความดี ซึ่งคนดีนั้นมีเยอะแต่ทำดีไม่ตลอดนั้นมีน้อย ขอให้ทุกคน พูดดี คิดดี ทำดี ทำแต่ความดีตลอดไป
อดีต พระยันตระ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวจากทุกสำนักที่มาดักรอสัมภาษณ์ โดยระบุว่า เมื่อสัมภาษณ์แล้วควรเผยแพร่ตามที่พูดด้วย ไม่อยากเกิดปัญหาในภายหลัง การเดินทางกลับมาในครั้งนี้ เพื่อมาพักผ่อนที่บ้านเกิดที่ อ.ปากพนัง และเยี่ยมญาติอายุกว่า 70 ปี ป่วยหนัก ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมาและในวันที่ 1 ส.ค.ก็จะเดินทางไปพักที่ จ.นนทบุรี จะขึ้นเครื่องบินที่สนามบินดอนเมือง ไปลงเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน ในวันที่ 7 ส.ค. เวลาประมาณ 17.05 นาที แล้วต่อเครื่องไปอเมริกาที่เมืองแคลิฟอร์เนียตามกำหนดการเดิม
ต่อข้อถามท่านจะเดินทางกลับมาร่วมกิจกรรมในประเทศไทยอีกหรือไม่ในวันที่ 14 ตุลาคม 2559 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดท่านหรือไม่ว่า ใช่ๆ ในวันที่14 ต.ค.ปีนี้ก็จะเดินทางกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง เนื่องจากเป็นวันเกิดซึ่งทางคณะลูกศิษย์และญาติโยมตั้งใจจะนิมนต์ให้กลับมาวันเกิด เพราะ 20 กว่าปีแล้ว ก็อยากมาจัดวันเกิดสักครั้งที่ จ.กาญจนบุรี ใช้เวลาอยู่เมืองไทยไม่เกิน 1 เดือน โดยครั้งนี้จะไม่มาที่ จ.นครศรีธรรมราช แต่จะอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี ส่วนจะไปไหนบ้างก็แล้วแต่เหตุปัจจัยยังไม่ได้กำหนดอะไรตายตัว
ผู้สื่อข่าวถามถึงสุขภาพความเป็นอยู่ตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมาที่อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นอย่างไรบ้าง อดีต พระยันตระ ตอบว่า หลังจากที่ตนเจออุบัติเหตุ การเดินไปไหนมาไหนก็ไม่คล่องตัวเหมือนเมื่อก่อนแต่ก็ยังพอไหวอยู่ ซึ่งอุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้กระดูกขาหักและสะโพกหัก ต้องใส่สะโพกปลอม ซี่โครงหัก 3 ซี่ ไหปลาร้าหัก ต้องผ่าตัดสมองด้วย แต่ตอนนี้สุขภาพก็ดีขึ้นแล้ว
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1469181664
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น